วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประสบการณ์การคลอดธรรมชาติ ,,,,คลอดชูการ์..(คลอดธรรมชาติสุดยอดจิงจิงจิง)

ประสบการณ์การตลอดน้องชูก้าร์                                                                                    
(เล่าให้ว่าที่คุณแม่ๆในห้องพันทิปเมื่อประมาณวันที่25/09/53)
 
เผยแพร่บทความ




-------------------------------------------------------------------    
คลอดแล้วคร่า เมื่อวันที่9 เดือน9 ปี2009 เวลา12:18
 (ขอบอกว่าคลอดธรรมชาติ..มันสุดยอดดดดดดดดจริงๆ)
                                    ตอนคลอดนู๋ชูการ์ เคยเล่าไว้ในกระทู้ขอก๊อบมาให้อ่านนะคะ)

เรื่องมีอยุ่ ว่า...
กำหนดคลอดวันที่ 21 ก.ย. แต่พอเข้าเดือน ก.ย. ก็เริ่มระแวง และได้ศึกษา อ่านเว็ปนู๊นนี่เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ และขอกำลังใจจากผู้คนมากมายเกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติ (เดี๋ยวหนูจะให้ลิ้งค์กระทู้ที่แม่ๆได้เคยเล่าประสบกาณการคลอดธรรมชาติให้ตอนท้ายนะคะ)ปกติหนูจะนอนคนเดียวตลอด38 week ที่ผ่านมา เพราะเป็นคนแม่เลี้ยงเดี่ยวคะ แต่คุณแม่หนูบอกว่าหลังวันที่ 1 จะมานอนด้วยแต่แม่ก็ติดธุระและยังไม่ใกล็วันที่หมอกำหนดเลยไม่ได้มานอนด้วย แต่วันที่8ก็คุยกับแม่ว่าให้มานอนด้วยกันที่คอนโดเพราะพรุ่งนี้วันที่9 วันดีวันมหามงคลตอนเช้าไปทำบุญใส่บาตรกัน ........

หนู ก็นอนหลับประมาณเที่ยงคืนนิดๆ นอนๆ อยู่มีความรู้สึกแบบ โผ๊ะ! อะไรแตกและน้ำ

ท้วมเต็มที่นอน ตกใจตื่น (แต่ไม่มีอะไรเจ็บนะคะ) งงๆ ยืนน้ำก็ไหลเยอะมากกกกกกกกกก เดินก็ไหล อารมณนั้นแบบ มึน งง อ้าว อะไร ยังไง  น้ำเดินหร่อเนี่ย หนูก็เดินไปเดินมาพอรวบรวมสติก้อตะโกนบอกแม่ น้ำเดินๆไปรพ.ๆ .....แม่หนูก็ตกใจ ตื่นเต้น ดีใจ หลานจะมาเกิดวันที่9 09 2009 ....สรุปก็เดินลงไปที่รถแบบเอ๋อๆมึนๆงงๆทั้งคู่ แต่ดีนะคะที่จัดกระเป๋าเตรียมคลอดไว้เรียบร้อยก็เลย สบายแฮร์เดินมึนอย่างมีคุณภาพ

ไปถึงรพ.เข้าห้องรอคลอดคะ เริ่มเจ็บท้องคะ แต่ยังชิวๆ หัวเราะร่าเริงได้อีก นางพยาบาลมาตรวจปากมดลูกเปิด 2 ซ.ม.  (วิธี การตรวจเค้าเอานิ้วทิ่มลงไปแล้วกางๆนิ้วอะคะ แต่ไม่รู้มีเครื่องอะไรช่วยดูรึป่าวเพราะหนูหลับตาปี๊คะ แล้วคุณพยาบาลก็เอานิ้วออก เราก็ดันไปถามเสร็จแล้วหร่อคะ คุณนางพยาบาล อึ๊งและอมยิ้ม ไอเราก็เฮ้ย..เขิลๆเก็กๆ คิดในใจ ใครคิดมากกันแน่ฟร่ะ ...เฮ้อ) แล้วเค้าก็มาโกน...จั๊กกะจี๊ม๊ากกกก.....

ประมาณตีห้า เริ่มปวดท้องถี่ขึ้น และปวดมากขึ้น ก็ยังพอไหว (คุณหมอน่ารักมากๆ โทรมาถามข่าวคราวกับนางพยาบาลตอนตีห้า..เป็นปลื้มจริงๆ)

ประมาณเจ็ดโมง อาการเริ่มแย่ ปวดแบบจี๊ด ปวดท้องแบบร้าวราน สูดหายใจเข้าปล่อยออกปากก็ไม่เห็นหาย ท่องนะโมในใจก็แล้วก็ไม่หาย นับ1 2 3 4 5 6 7 ความปวดก็หายไป แต่ไม่กี่นาทีมันก็มาอีกเป็นแบบนี้จนไม่ไหว เรียกคุณพยาบาลขอยา เค้าก็บอกตรวจปากถ้าเปิด5เซนถึงให้ยาได้  ก็โอเคให้ยาแก้ปวดทางน้ำเกลือ...

ไม่ นานก็เบลอ ง่วง แอบเห็นภาพก่อนหลับเป็น คุณหมอในชุดเขียวๆยืนตรงข้างเตียงพูดไรไม่รู้จำไม่ได้ สิ่งสุดท้ายคือเรายิ้มให้คุณหมอแล้วก็หลับบบบบบบบ ค๊อกกก...ฟรี๊

10โมงกว่า  สะดุ้ง ตื่น...โอ้ววววววววววววววปวดจี๊ดจับใจมาเยือนแล้ว มันมาเป็นละลอก สุดๆ ขอย้ำว่าสุด สุด! หนูนี่ร้องไห้เกาะขอบเตียง สงสารตัวเองมาก สูดลมหายใจ นะโมๆ นับ123 ร้องโอ๊ยๆแบบเบาๆ อายคนรอคลอดเยอะ พยาบาลก็เยอะ ดูเคร่งเครียดกันหมด ไอเราก็ไม่ไหวมากๆคะ กวักมือเรียก คุณพยาบาลขอยาเพิ่มได้ไม๊ ไม่ไหว เค้าบอก  ไม่ได้คะแล้วก็ปลอบๆ และตรวจปากมดลูกเป็นระยะ 8เซน แล้ว เราก็อยากเบ่งมากพยาบาลก็ให้เบ่งเล่นไปเรื่อยๆ  ก็มีแต่อย่างอื่นออกมาคะ สักพักพยาบาลตรวจปากอีกและเค้าตะโกนคุยกันในภาษาที่เราไม่รู้เรื่องอะคะ

แล้วเค้าก็เข็นหนูไปที่ห้องคลอด ขึ้นขาหยั่ง เราปวดเบ่งมาก ปวดเบ่งนี่ก็สุดยอดคะ อีกอารมณ์ดี เค้าก็ให้เราเบ่งไปเรื่อยๆ รอหมอ (แม่จ้าว วววว...หมอเย็บแผลผ่าตัดอีกห้องอยู่กะลังรีบมา..... เราก็ เบ่งงงงงงงๆๆๆ ก็ไม่ออกจนคุณหมอชุดเขียวมาแล้ว ที่นี่วงออเคสต้าเริ่มบรรเลงคะ ....คุณ แม่คางชิดอกนะคะ..เบ่งคะ... อึ๊ดดดดด ฮึบบบบบบบบ เบงงงงงงงง.... มีเสียงชมวว่าเบ่งได้ดีมาก หัวน้องออกมาแล้ว เบ่งอีกคะ....(แอบได้ยินเสียงหมอบอก คลอดกี่โมงดี เที่ยง19ไม๊.... เวงงไอเราคิดในใจอะไรไม่ออก แค่ได้ยินเค้าพูด ใครจะไปห้ามได้ฟร๊ะ -_-' คลอดอก เที่ยง18)    หนูเบ่งประมาณ 4 5ทีอะคะก็ พรวดออกมา  อีก ความเจ็บนึงที่ได้อารมณ์คือหลังจากที่น้องคลอดหรือกะลงจะสุดเนี่ยอะ คะ..ขอบอกว่าเจ็บแบบต้องแหกปากอะคะ..คือตอนนั้นได้ยินแต่คุณแม่ร้อง อาคะแต่ไม่ต้องเบ่ง แต่ก็มีเสียงประสาน อา ลั่นห้อง ไอเราก็กี๊ดๆอาๆ ตามเค้า  สุดๆคะ คลอดทีได้เรียนรู้หลายอารมณเลยทีเดียว (เบ่ง รวมทั้งหมดของท้องนี้ก็ก็สิบกว่าทีมั้งคะ...เกือบตาย) พอออกมาก็สิ่งที่ดีใจที่สุดคือได้ยินเสียงเค้าร้องคะ มันเป็นสิ่งที่รอคอยมาตลอด เราเคยแต่ได้ยินลูกคนอื่นร้อง แต่ครั้งนี้เสียงของลูกในท้องเราเอง มันสุดยอดจริง ๆ คะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น